CATEGORY

tonari people

บทสัมภาษณ์คนญี่ปุ่นเกี่ยวกับเมืองไทย และคนไทยที่เกี่ยวข้องกับญี่ปุ่น

เทรนเนอร์สาวชาวญี่ปุ่นกับการเป็นภรรยาหนุ่มไทย

ฉันชื่อโทโมเอะค่ะ เป็นคนจังหวัดยามากุจิ เป็นคนแอ็คทีฟชอบออกกำลังกาย เคยเป็นเชียร์ลีดเดอร์ตอนมัธยมและตอนอยู่มหาวิทยาลัย ฉันจบคณะวรรณคดีภาษาอังกฤษที่มหาวิทยาลัยคิวชู พอเรียนจบก็ตัดสินใจไปเรียนต่อด้าน Personal Trainer ที่ซิดนีย์ ออสเตรเลีย เพราะว่าตอนอายุ 13 เคยมีโอกาสไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่นั่น และค่าเทอมกับค่าครองชีพไม่แพงจนเกินไป ตอนอยู่ที่ซิดนีย์ก็มีเพื่อนคนไทยหลายคน และได้พบกับสามีคนไทยซึ่งก็เป็นหนึ่งในกลุ่มเพื่อนๆ ค่ะ ผู้ชายไทยใจดี และเทคแคร์เก่งมาก ต่างจากผู้ชายญี่ปุ่นที่จะขี้อาย ถ้าชอบก็จะไม่แสดงออกว่าชอบ ไม่โทรหา แต่แฟนคนไทยบอกว่าชอบตั้งแต่วันแรก โทรมาทุกวัน มายืนรอที่หน้าบ้าน เอาดอกไม้มาให้ ช่วยถือของ เหมือนในละครเลย แต่บางทีก็มากไป (ฮา) ・หลังจากแฟนเรียนจบก็กลับเมืองไทยเพราะวีซ่าหมด ฉันก็กลับโตเกียวเพื่อไปทำงาน มีช่วงที่ต้องแยกกันอยู่ 4 ปี ต่างคนต่างทำงาน ปีนึงจะเจอกันสองครั้ง บางทีฉันก็ไปหาที่ไทย บางทีเขาก็มาหาที่ญี่ปุ่นสลับกัน เคยไปไทยครั้งแรกตอนอายุ 25 ได้เจอ culture shock หลายอย่าง เช่น แฟนกับครอบครัวเขาจะสนิทกันมาก แต่ครอบครัวคนญี่ปุ่นจะไม่ค่อยสนิทกันแบบนั้น เป็นต้น พออายุ 27 คุณแม่ของฉันเสีย (คุณพ่อเสียไปก่อนแล้วตั้งแต่ยังเด็ก) ก็เลยตัดสินใจมาอยู่ที่ไทยและแต่งงาน ตอนนี้อยู่เมืองไทยมา 5 ปีแล้ว พูดไทยได้นิดหน่อยค่ะ เวลาคุยกับสามีจะคุยเป็นภาษาอังกฤษ แต่คุยกับครอบครัวของสามีก็จะคุยเป็นภาษาไทย ทำให้ความสัมพันธ์กับครอบครัวของสามีดีขึ้นด้วย・สิ่งที่ประทับใจที่สุดในเมืองไทยคือเพื่อนคนไทยค่ะ ตอนนี้มีเพื่อนคนไทยเยอะกว่าเพื่อนคนญี่ปุ่นอีก เพื่อนคนไทยคุยกันได้ทุกเรื่อง เป็นที่ปรึกษาที่ดี มีอะไรก็ช่วยเหลือทันที ถ้าเป็นคนญี่ปุ่นจะไม่ค่อยกล้าพูดตรงๆ เพราะเกรงใจ เวลามีปัญหาอะไร คนญี่ปุ่นมักจะเซิร์ชใน google แก้ปัญหาด้วยตัวเอง ไม่ค่อยถามคนอื่น จะคิดเยอะถ้าจะโทรไปหาใคร จะรบกวนเขาไหม เขาจะไม่พอใจไหม แต่คนไทยเวลามีปัญหามักจะถามเพื่อน แล้วเพื่อนก็ใจดีคอยบอกคอยช่วยเหลือกัน คิดว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่สามารถลองทำอะไรก็ได้ ถ้าผิดพลาดก็ไม่เป็นไร ไม่ต้องแคร์สายตาคนอื่นเท่าไหร่ ถ้าเป็นที่ญี่ปุ่นจะค่อนข้างคิดถึงความรู้สึกคนอื่นแม้กระทั่งคนที่ไม่รู้จักมากกว่าความรู้สึกตัวเอง อย่างถ้าจะไปร้านสะดวกซื้อใกล้ๆ เคยเห็นคนไทยใส่ชุดนอนไปก็มี ไม่แต่งหน้าก็มี แต่คนญี่ปุ่นก็ต้องแต่งหน้าก่อน แต่งตัวให้ดีก่อน เพราะกลัวสายตาคนอื่นที่มองมา อยู่ที่ไทยเลยรู้สึกสบายใจกว่า สำหรับหนุ่มๆ ที่อยากพิชิตใจสาวญี่ปุ่นเคล็ดลับก็คือความใจดี การเทคแคร์ ความโรแมนติก ซึ่งหนุ่มไทยถนัดอยู่แล้ว แต่หนุ่มญี่ปุ่นจะไม่ค่อยมีตรงนี้ ซึ่งสาวญี่ปุ่นก็ชอบนะ แต่ก็อย่าให้เว่อร์จนเกินไป (ฮา) ส่วนหน้าตาเป็นเรื่องรองลงมา เพราะตอนที่แฟนมาจีบก็ไม่ได้หน้าตาตรงสเป็คตั้งแต่แรก แต่เพราะนิสัยก็ทำให้จีบติดค่ะ โทโมเอะซัง Personal Trainer Instructorhttps://www.instagram.com/tomofitness_bkk

คุยกับฮิโระและไมเคิล สองหนุ่มช่างภาพไทยและช่างภาพญี่ปุ่นกับคอนเซ็ปต์ของนิทรรศการ Bangkok Sequencity

วันนี้ tonari มีบทสัมภาษณ์พิเศษของสองหนุ่ม ต่างสัญชาติและอาชีพ แต่เพราะมีความชอบคล้ายๆ กัน ทำให้ได้มาเป็นเพื่อนกัน และวันนี้พวกเขาทั้งสองก็ได้กอดคอกันจัดนิทรรศการภาพถ่ายในกรุงเทพ “Bangkok Sequencity” ด้วยกันเป็นครั้งแรกอีกด้วย ไมเคิล: สวัสดีครับ ไมเคิล ศิรชัช เจียรถาวร อายุกำลังจะ 29 ปี ปัจจุบันเป็น ดีเจ CAT RADIO นักแสดงอิสระ และช่างภาพอิสระครับฮิโระ: สวัสดีครับ ผมชื่อฮิโรทาโระ โซโนะ อายุ 33 ปี เป็นสถาปนิก แล้วก็ถ่ายภาพด้วยครับ tonari: อะไรคือแรงบันดาลใจที่ทำให้เริ่มถ่ายภาพคะ ไมเคิล: แรงบันดาลใจมีหลายอย่างครับ คุณพ่อผมชอบถ่ายรูป เราก็เห็นท่านถ่ายภาพมาตั้งแต่เด็ก ก็สนใจ ตอนเด็กๆ ก็ชอบเอากระดาษมาม้วนๆ แล้วส่องดู รู้สึกว่ามองผ่านม้วนกระดาษแล้วแสงและมุมมองที่ได้ต่างจากมองภาพด้วยตาเปล่า เลยสนใจเรื่องมุมมองก่อน ส่วนเรื่องถ่ายภาพคิดว่าน่าจะเริ่มสนใจตั้งแต่ตอน ม.3 แต่มีกล้องเป็นของตัวเองประมาณตอน ม.5 ตอนนั้นกำลังจะเรียนจบจะไม่ได้เจอเพื่อนแล้ว ก็อยากถ่ายภาพเพื่อนเก็บไว้กะมาทำหนังสือรุ่นด้วย ต่อมาพอได้เดินทางไปทำงานต่างจังหวัด ไปต่างประเทศ ก็ได้ถ่ายรูปมากขึ้น เราโชคดีที่พอได้ทำงานในวงการบันเทิงก็มีโอกาสได้เจอตากล้องหลายท่านก็ไปถามเขา เรียนรู้จากประสบการณ์ของเขาไม่ได้ไปเรียนในห้องเรียนครับ ฮิโระ: สำหรับผม ครั้งแรกเลยการถ่ายภาพก็คือการบันทึกภาพการออกแบบสถาปัตยกรรมและการออกแบบพื้นที่ เพื่อศึกษาถึงแนวคิดของผู้ออกแบบ และสร้างแรงบันดาลใจในสายงานของผม แต่เมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา การถ่ายภาพไม่ได้เป็นแค่การบันทึกงานดีไซน์เท่านั้น แต่ทำให้ผมอยากถ่ายทอดถึงความรู้สึกในพื้นที่นั้นๆ ด้วยครับ tonari: ชอบถ่ายภาพแนวไหนเอ่ย ไมเคิล: จุดเริ่มต้น ชอบถ่ายแนว Landscape และ Portrait แต่ว่าหลังๆ เริ่มรู้ตัวว่าไม่ชอบจัดแจงอะไรเท่าไหร่ เลยชอบถ่ายแนว Street Portrait หรือ Documentary มันก้ำกึ่งไม่ได้ไปสุดทางใดทางหนึ่ง และไม่ค่อยอยากจำกัดแนวทางของตัวเองเท่าไหร่ ปล่อยไปตามความรู้สึกว่าตอนนั้นอยากถ่ายแนวไหนครับ ฮิโระ: ภาพถ่ายของผมจะอิงตามสถาปัตยกรรมเป็นหลัก ซึ่งเกี่ยวข้องกับเส้นแนวตั้งและแนวนอนที่ต้องถูกต้องและแม่นยำ แต่ผมก็อยากจะเปลี่ยนแนวอยู่เหมือนกัน อยากจะผสมผสานความมีชีวิตของผู้คนและกิจกรรมเข้าไปในภาพถ่าย ซึ่งก็เป็นสไตล์งานของผมในตอนนี้ tonari: ชอบใช้กล้องดิจิตอลหรือกล้องฟิล์มมากกว่ากัน ไมเคิล: ผมว่ามันดีกันคนละอย่าง กล้องดิจิตอลมีความรวดเร็ว แม่นยำ ได้รูปที่เพอร์เฟ็ค รูปงานส่วนใหญ่ก็มักจะใช้กล้องดิจิจอลเป็นหลัก ส่วนกล้องฟิล์มเหมือนไว้ใช้บำบัดตัวเอง เพราะกล้องฟิล์มมันเช็ครูปไม่ได้ เหมือนโดนบังคับให้ใช้เวลาอยู่กับสถานที่นั้น และไม่ควรยกกล้องถ่ายตลอดเวลา เพราะค่าฟิล์มมันแพงครับ (ฮา) ฮิโระ: ถ้าเป็นการถ่ายงานสำหรับผมก็ต้องเป็นกล้องดิจิตอล เพราะต้องการความถูกต้องแม่นยำในการเก็บภาพ Perspective เพราะผมไม่สามารถแบกขาตั้งกล้องไปด้วยตลอด ซึ่งถ้าเป็นไฟล์ดิจิตอลผมสามารถเอาไปแก้ไขในโปรแกรมต่อได้ แต่สำหรับการถ่ายภาพเพื่อเก็บเป็นความทรงจำ ผมชอบกล้องฟิล์มนะ เวลาไปเที่ยวกับภรรยาก็จะใช้กล้องฟิล์มถ่าย เพราะความทรงจำนั้นไม่สามารถแก้ไขหรือปรุงแต่งได้ ก็ชอบทั้งคู่ขึ้นอยู่กับโอกาสในการใช้งาน tonari: กล้องตัวโปรดและเลนส์ที่ชอบ ฮิโระ: กล้อง Sony A73 เลนส์ ขนาด 24-105mm f/4 ส่วนใหญ่ผมถ่ายภาพสถาปัตยกรรม แล้วเลนส์ตัวนี้ก็จับภาพได้อย่างครอบคลุมทั้งภายในและภายนอกอาคาร สามารถซูมเพื่อให้เห็นรายละเอียดต่างๆ เช่น เพดาน หรือชั้นสอง ถ่ายจากด้านนอกไกลๆ ได้ดี ผมเคยสะสมกล้อง แต่ไม่ได้สะสมแล้ว เพราะตอนจากญี่ปุ่นมา ก็ทิ้งกล้องไว้ที่นู่นเลย ตอนนี้ก็ใช้แค่ตัวเดียว ไมเคิล: ตอบยากมาก เอาเป็นกล้องที่ใช้บ่อยช่วงนี้ดีกว่า Sony A7C กล้องฟูลเฟรมขนาดเล็ก เลนส์ที่ชอบใช้จะเป็นเลนส์ระยะ 50 ที่ชอบเพราะกล้องตัวเล็กดูเฟรนด์ลี่กว่า เข้าหาผู้คนได้ง่ายกว่า แล้วก็น้ำหนักเบา กล้องดิจิตอลไว้ใช้งาน กล้องฟิล์มไว้สะสม ซึ่งจริงๆ ผมก็อยากเลิกเป็นนักสะสมนะ มันดูจบยาก เสียเงินเยอะมาก พยายามจะขายทิ้ง และเก็บไว้เฉพาะตัวที่ชอบจริงๆ tonari: ช่างภาพคนโปรดล่ะ ไมเคิล: ผมชอบ Ansel Adams เพราะการถ่ายภาพสมัยก่อนมันลำบาก อุปกรณ์ไม่ได้เอื้อต่อการถ่ายเหมือนในสมัยนี้ สมัยก่อนกล้องตัวเบ้อเริ่มเขาต้องแบกไปถ่ายตามสถานที่ธรรมชาติ แล้วถ่ายด้วยกล้องฟิล์มก็ไม่รู้ด้วยว่าภาพจะออกมาสวยรึเปล่า ต้องมีความมุ่งมั่นตั้งใจที่อยากจะถ่ายภาพจริงๆ และเวลาผมดูภาพของเขาก็รู้สึกเหมือนมีพลังอยู่ข้างใน ฮิโระ: ช่างภาพที่ชอบคือ Iwan Baan ครับ เป็นช่างภาพสถาปัตยกรรม เขาสร้างทิศทางใหม่ของการถ่ายภาพสถาปัตยกรรมที่แต่เดิมมักจะเป็นการถ่ายอาคารอย่างเดียว แต่เขามักจะถ่ายภาพผู้คนร่วมกับอาคารด้วย ทำให้พื้นที่ดูมีชีวิตชีวามากขึ้น แสดงให้เห็นถึงบรรยากาศและกิจกรรม เพื่อสื่อสารกับผู้คนถึงวิธีการใช้พื้นที่นั้นๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมประทับใจ และอยากถ่ายแบบนั้นบ้าง tonari: ช่วยเล่าเหตุการณ์ที่ประทับใจในการถ่ายภาพให้ฟังหน่อย ไมเคิล: การถ่ายภาพทำให้รู้จักและเข้าใจคนมากขึ้น เหมือนอุปกรณ์เปิดบทสนทนา ทำให้มีเรื่องคุยกันมากขึ้น อย่างตอนที่ไปถ่ายงานนี้ ไปเจอบ้านหลังหนึ่งเป็นบ้านสีชมพูสดใส สักพักเจ้าของบ้านเดินออกมาถามว่ามาทำอะไร มาถ่ายบ้านเขาทำไม ผมเลยคุยกับเขาว่าบ้านสีสวยมาก ทำไมถึงทาสีนี้ เขาตอบว่าทาสีนี้แล้วรู้สึกสดชื่น อยากให้คนที่ผ่านมาเห็นรู้สึกสดชื่นเหมือนกัน ทำให้เราเข้าใจมุมมองของเขา ซึ่งถ้าแค่เดินผ่านก็คงไม่เข้าใจ ฮิโระ: […]