มีใครชอบจดบันทึกกันบ้างไหมคะ แอดมินมักจะพกสมุดบันทึกเล่มเล็กๆ ใส่กระเป๋าไปไหนมาไหนด้วย วันนี้เลยขอมาแชร์ไอเดียการจดบันทึกด้วยปากกาเพียงด้ามเดียวเพื่อความคล่องตัว มาดูกันว่าสามารถตกแต่งสมุดบันทึกของเราให้น่าสนใจได้อย่างไรโดยในครั้งนี้แอดมินใช้ปากกา Jetstream SXE3-JSS ที่มี 3 สีในแท่งเดียว ขนาดหัว 0.38 ในการเขียนและตกแต่งบันทึกทั้งหมด มาดูกันว่าจะออกมาเป็นยังไงบ้าง สั่งซื้อสินค้าได้ทางhttps://bit.ly/3UG1lMS
ร้านน้ำตาล KOMAYA เดิมเป็นกิจการขายส่งน้ำตาลที่เก่าแก่ ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1744 ในเมืองนาโงย่า จังหวัดไอจิ ตั้งแต่ในอดีตที่ญี่ปุ่นมีวัฒนธรรมการทำน้ำตาลเป็นรูปปลาไทเพื่อมอบให้เป็นของขวัญแสดงความยินดี ทางร้านจึงทำน้ำตาลกึ่งแฮนด์เมดที่แสดงถึงเรื่องราว เป็นรูปร่างต่างๆ ที่น่ารัก สีสันน่าทาน และทยอยออกสินค้าใหม่ๆ ออกมาทุกเดือน เพื่อเป็นสัญลักษณ์แสดงถึงความสุข ดูไม่ออกเลยว่านี่คือสินค้าของร้านที่เปิดมานานถึงสองร้อยกว่าปีแล้ว Website: https://www.komahei.com/Shop: https://www.rakuten.co.jp/komaya1744/IG: https://www.instagram.com/komaya_sugar/
“ความตื่นเต้นที่ได้พบกับหนังสือที่กำลังตามหาในร้านหนังสือเก่า เปรียบเสมือนความตื่นเต้นเมื่อใช้กุญแจเปิดกล่องสมบัติ” เป็นที่มาของชื่อร้านหนังสือญี่ปุ่นมือสอง KEY BOOKS ร้าน KEY BOOKS ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2556 โดยคุณคุสึทานิ เจ้าของร้านผู้รักการอ่าน และรักสื่อสิ่งพิมพ์เป็นชีวิตจิตใจ ช่วงที่ร้านเปิดใหม่ๆ หนังสือที่ขายในร้านมีจำนวนค่อนข้างน้อย ทางร้านมีทั้งรับซื้อหนังสือจากคนญี่ปุ่นที่อยู่ในไทย และสั่งหนังสือจากญี่ปุ่นมาขาย ต่อมาร้านเริ่มมีชื่อเสียง ทำให้มีลูกค้าคนญี่ปุ่นแวะเวียนเข้ามาซื้อขายมากขึ้น หนังสือในร้านก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ปัจจุบันทั้ง 2 สาขามีหนังสือรวมกันกว่า 40,000 เล่ม! ถึงแม้หนังสือในร้านจะเป็นภาษาญี่ปุ่น แต่กลุ่มลูกค้าชาวไทยก็มีจำนวนไม่น้อย โดยเฉพาะคนที่สนใจด้าน ศิลปะ ภาษา และแฟชั่น วิธีคัดเลือกหนังสือ ทางร้านจะเน้นเฉพาะหนังสือที่มีสภาพดี ไม่มีรอยขีดข่วน และอายุไม่เก่าจนเกินไป หนังสือ นิตยสาร การ์ตูน รวมถึงสินค้าอื่นๆ ในร้านจะถูกจัดเรียงใหม่ทุกวัน เพื่อให้ลูกค้าหาสินค้าได้ง่าย และสัมผัสสินค้าใหม่ๆ อยู่เสมอ การบริหารร้านหนังสือมือสองค่อนข้างมีอุปสรรคอยู่บ้าง เนื่องด้วยปัจจัยหลายๆ อย่างที่ควบคุมไม่ได้ แต่สิ่งที่ทำให้คุณคุสึทานิประทับใจ และยืนหยัดที่จะทำร้านหนังสือต่อไป คือ รอยยิ้ม และคำขอบคุณจากลูกค้า คุณคุสึทานิสัญญาว่าจะพยายามพัฒนาบริการให้ดียิ่งขึ้นในอนาคต ในช่วงโควิดนี้ ทางร้านได้เสริมมาตรการการทำความสะอาด ติดตั้งเครื่องกรองอากาศ และเจลล้างมือเพื่อความปลอดภัยของลูกค้าที่มาใช้บริการ อีกทั้งยังมีบริการสั่งหนังสือ online สำหรับลูกค้าที่ไม่สะดวกมาที่ร้านด้วย ร้านหนังสือ KEY BOOKS ทั้ง 2 สาขา อยู่ในซอยสุขมวิท 33/1 ใกล้ Fuji Super 1 BTS พร้อมพงษ์สาขา 1 มี 3 ชั้น ขายหนังสือและนิตยสารหลากหลายสาขา 2 มีชั้นเดียว ขายหนังสือและของชำร่วยเวลา 9:00-21:00 (เปิดบริการทุกวัน) สั่งซื้อ online ได้ที่ KEY BOOKS หรือ โทร. 02-662-1512
ด้วยดีไซน์ที่คลาสิคและความทนทาน ทำให้กระเป๋านักเรียนเด็กประถมญี่ปุ่นที่เรียกว่า “รันโดะเซรุ” เป็นที่นิยมมาจนถึงปัจจุบัน แม้แต่ผู้ใหญ่เองก็อยากจะกลับไปใช้กระเป๋านี้เพื่อรำลึกความหลัง ร้านกระเป๋า ikedaya ก็เลยผลิตกระเป๋ารันโตะเซรุสำหรับผู้ใหญ่ขึ้นมา เมื่อปี 2010 มีคนพบกระเป๋ารันโดะเซรุใบหนึ่งในโกดังผลิตเหล้าสาเกในเมืองฮิดะทาคายามะ มันเป็นกระเป๋าที่คุณตาท่านหนึ่งเคยใช้เมื่อตอนเป็นนักเรียนประถม ซึ่งตอนนี้คุณตากำลังจะอายุ 91 ปี กระเป๋าใบนี้เก่ายิ่งกว่าโตเกียวทาวเวอร์เสียอีก แต่แม้ว่าจะเก่าขนาดนั้น ดีไซน์ของกระเป๋ากลับดูคลาสสิค ไม่ล้าสมัย มีขนาดเล็กกว่ารันโดะเซรุที่ปัจจุบันเด็กประถมนิยมใช้ เคยถูกนำไปจัดแสดงอยู่ในแต่ละสาขาของร้าน ikedaya ซึ่งเป็นร้านทำกระเป๋ารันโดะเซรุที่เป็นที่รู้จักมายาวนาน เมื่อมีลูกค้ามาเห็นก็จะบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ดูน่ารักสไตล์เรโทร ดีไซน์แบบนี้เอามาใช้ในปัจจุบันยังได้ ทำให้ร้าน ikedaya เกิดไอเดียผลิตกระเป๋ารันโดะเซรุของคุณตาขึ้นมาจริงๆ ด้วยความร่วมมือจากดีไซน์เนอร์เครื่องหนังชาวโกเบ และช่างฝีมือทั้งหลาย ทำให้กระเป๋าของคุณตากลายมาเป็นกระเป๋ารันโตะเซรุที่ผู้ใหญ่ทั่วไปก็ใช้ได้ สายหนังที่แข็งแรง รอยเย็บกระเป๋าที่สวยงาม นอกจากนี้ยังเพิ่มช่องกระเป๋าให้เยอะกว่ากระเป๋ารันโดะเซรุปกติ เพิ่มความสะดวกในการใส่ของ มีทั้งหมด 4 สี คือ สีแดง สีคาราเมล สีน้ำเงิน และสีน้ำตาล ราคาใบละ 33,000 เยน (รวมภาษีแล้ว) สามารถซื้อได้ที่ https://store.ikeda8.com/product/ruck-sack/classica/
ฉันชื่อโทโมเอะค่ะ เป็นคนจังหวัดยามากุจิ เป็นคนแอ็คทีฟชอบออกกำลังกาย เคยเป็นเชียร์ลีดเดอร์ตอนมัธยมและตอนอยู่มหาวิทยาลัย ฉันจบคณะวรรณคดีภาษาอังกฤษที่มหาวิทยาลัยคิวชู พอเรียนจบก็ตัดสินใจไปเรียนต่อด้าน Personal Trainer ที่ซิดนีย์ ออสเตรเลีย เพราะว่าตอนอายุ 13 เคยมีโอกาสไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่นั่น และค่าเทอมกับค่าครองชีพไม่แพงจนเกินไป ตอนอยู่ที่ซิดนีย์ก็มีเพื่อนคนไทยหลายคน และได้พบกับสามีคนไทยซึ่งก็เป็นหนึ่งในกลุ่มเพื่อนๆ ค่ะ ผู้ชายไทยใจดี และเทคแคร์เก่งมาก ต่างจากผู้ชายญี่ปุ่นที่จะขี้อาย ถ้าชอบก็จะไม่แสดงออกว่าชอบ ไม่โทรหา แต่แฟนคนไทยบอกว่าชอบตั้งแต่วันแรก โทรมาทุกวัน มายืนรอที่หน้าบ้าน เอาดอกไม้มาให้ ช่วยถือของ เหมือนในละครเลย แต่บางทีก็มากไป (ฮา) ・หลังจากแฟนเรียนจบก็กลับเมืองไทยเพราะวีซ่าหมด ฉันก็กลับโตเกียวเพื่อไปทำงาน มีช่วงที่ต้องแยกกันอยู่ 4 ปี ต่างคนต่างทำงาน ปีนึงจะเจอกันสองครั้ง บางทีฉันก็ไปหาที่ไทย บางทีเขาก็มาหาที่ญี่ปุ่นสลับกัน เคยไปไทยครั้งแรกตอนอายุ 25 ได้เจอ culture shock หลายอย่าง เช่น แฟนกับครอบครัวเขาจะสนิทกันมาก แต่ครอบครัวคนญี่ปุ่นจะไม่ค่อยสนิทกันแบบนั้น เป็นต้น พออายุ 27 คุณแม่ของฉันเสีย (คุณพ่อเสียไปก่อนแล้วตั้งแต่ยังเด็ก) ก็เลยตัดสินใจมาอยู่ที่ไทยและแต่งงาน ตอนนี้อยู่เมืองไทยมา 5 ปีแล้ว พูดไทยได้นิดหน่อยค่ะ เวลาคุยกับสามีจะคุยเป็นภาษาอังกฤษ แต่คุยกับครอบครัวของสามีก็จะคุยเป็นภาษาไทย ทำให้ความสัมพันธ์กับครอบครัวของสามีดีขึ้นด้วย・สิ่งที่ประทับใจที่สุดในเมืองไทยคือเพื่อนคนไทยค่ะ ตอนนี้มีเพื่อนคนไทยเยอะกว่าเพื่อนคนญี่ปุ่นอีก เพื่อนคนไทยคุยกันได้ทุกเรื่อง เป็นที่ปรึกษาที่ดี มีอะไรก็ช่วยเหลือทันที ถ้าเป็นคนญี่ปุ่นจะไม่ค่อยกล้าพูดตรงๆ เพราะเกรงใจ เวลามีปัญหาอะไร คนญี่ปุ่นมักจะเซิร์ชใน google แก้ปัญหาด้วยตัวเอง ไม่ค่อยถามคนอื่น จะคิดเยอะถ้าจะโทรไปหาใคร จะรบกวนเขาไหม เขาจะไม่พอใจไหม แต่คนไทยเวลามีปัญหามักจะถามเพื่อน แล้วเพื่อนก็ใจดีคอยบอกคอยช่วยเหลือกัน คิดว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่สามารถลองทำอะไรก็ได้ ถ้าผิดพลาดก็ไม่เป็นไร ไม่ต้องแคร์สายตาคนอื่นเท่าไหร่ ถ้าเป็นที่ญี่ปุ่นจะค่อนข้างคิดถึงความรู้สึกคนอื่นแม้กระทั่งคนที่ไม่รู้จักมากกว่าความรู้สึกตัวเอง อย่างถ้าจะไปร้านสะดวกซื้อใกล้ๆ เคยเห็นคนไทยใส่ชุดนอนไปก็มี ไม่แต่งหน้าก็มี แต่คนญี่ปุ่นก็ต้องแต่งหน้าก่อน แต่งตัวให้ดีก่อน เพราะกลัวสายตาคนอื่นที่มองมา อยู่ที่ไทยเลยรู้สึกสบายใจกว่า สำหรับหนุ่มๆ ที่อยากพิชิตใจสาวญี่ปุ่นเคล็ดลับก็คือความใจดี การเทคแคร์ ความโรแมนติก ซึ่งหนุ่มไทยถนัดอยู่แล้ว แต่หนุ่มญี่ปุ่นจะไม่ค่อยมีตรงนี้ ซึ่งสาวญี่ปุ่นก็ชอบนะ แต่ก็อย่าให้เว่อร์จนเกินไป (ฮา) ส่วนหน้าตาเป็นเรื่องรองลงมา เพราะตอนที่แฟนมาจีบก็ไม่ได้หน้าตาตรงสเป็คตั้งแต่แรก แต่เพราะนิสัยก็ทำให้จีบติดค่ะ โทโมเอะซัง Personal Trainer Instructorhttps://www.instagram.com/tomofitness_bkk
หนังสือน่ารักๆ สำหรับคนที่ชอบงานเย็บปักถักร้อย กับหนังสือ “งานปักสัตว์น้อยในป่าเทพนิยาย” โดยคุณยะมะโนะอุจิ ยุอิ ในเล่มมีแบบงานปักรูปสัตว์น่ารักๆ มากมาย สีสวยหวาน สามารถนำไปตกแต่งเสื้อผ้า กระเป๋า ทำเป็นเข็มกลัดได้หลากหลาย หนังสือขนาด B5 มี 96 หน้า สี่สีทั้งเล่ม ราคา 1,540 เยน เริ่มวางจำหน่ายที่ญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ติดตามผลงานของคุณยะมะโนะอุจิได้ที่https://twitter.com/spicapika077https://www.instagram.com/spica_pika
คุณฮานะซากุระ ฮานะโกะ หรือคุณ ฮานะโคโตบะ (แปลว่าภาษาดอกไม้) เป็นดีไซเนอร์ผู้ออกแบบเสื้อผ้าจากดอกไม้ โดยเธอจะนำกลีบดอกไม้และใบไม้ที่ร่วงหรือเหี่ยวเฉาแล้วมาประกอบกับรูปวาดของเธอ กลายเป็นภาพของสาวน้อยในชุดที่สวยงาม เหมือนเป็นการชุบชีวิตของดอกไม้ให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งหนึ่ง คุณฮานะโคโตบะเป็นศิลปินที่มีผู้ติดตามในทวิตเตอร์เกือบ 170,000 คน มีสาวๆ มากมายที่อยากใส่เสื้อผ้าที่เธอออกแบบ จนในที่สุดเธอก็ได้ร่วมงานกับ Hiroshima Bridal Box บริษัทจำหน่ายชุดและไอเท็มต่างๆ สำหรับงานแต่งงาน ออกคอลเลคชั่นพิเศษชื่อว่า FLOWERY FIELDS เป็นชุดแต่งงานที่ได้แรงบันดาลใจมาจากคุณฮานะโคโตบะนั่นเอง และเร็วๆ นี้เธอกำลังจะออกหนังสือเล่มใหม่ ชื่อหนังสือ「お花のドレス 花びらで仕立てる私だけのアート」เป็นหนังสือสอนทำภาพชุดดอกไม้ในสไตล์ของตัวเอง ซึ่งสามารถนำไปทำเป็นของตกแต่งหรือของขวัญให้คนอื่นได้ด้วย ในเล่มจะมีตัวอย่างผลงาน พร้อมบอกว่าใช้ดอกไม้อะไรทำและใช้จำนวนเท่าไหร่ ดอกไม้แต่ละชนิดเหมาะจะใช้ทำชุดแบบไหน เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีภาพวาดคนเปล่าๆ ให้เรานำไปตกแต่งชุดดอกไม้ในสไตล์ของตัวเองอีกด้วย หนังสือราคาเล่มละ 1,650 เยน (รวมภาษีแล้ว) ตอนนี้กำลังเปิดให้สั่งจองอยู่ ซึ่งถ้าใครสั่งในเว็บ amazon จะได้รับปฏิทินชุดดอกไม้เป็นของแถมแบบลิมิเต็ดด้วย ไปซื้อกันได้ที่ https://www.amazon.co.jp/dp/4910428038 ติดตามคุณฮานะโคโตบะได้ที่IG: https://www.instagram.com/hanacotoba_jp/twitter: https://twitter.com/hanacotoba_jpwebsite: https://hanacotoba.net/
คุณริโตะ ศิลปินชาวญี่ปุ่นวัย 34 ปี มีภาวะ ADHD หรือโรคสมาธิสั้นมาตั้งแต่กำเนิด เขาพยายามหาสิ่งที่จะช่วยควบคุมสมาธิและจดจ่อที่มากกว่าปกติ จนได้พบกับศิลปะการฉลุซึ่งปกติจะทำบนกระดาษ แต่คุณริโตะเลือกที่จะทำบนใบไม้ตั้งแต่เดือนมกราคมปีนี้เป็นต้นมา ใบไม้เป็นวัสดุที่เหมาะสมอย่างมาก เพราะมันสามารถเน่าสลายได้ตามธรรมชาติจึงบังคับให้เขาต้องทำงานแข่งกับเวลา เมื่อทำบ่อยครั้งเข้าก็ยิ่งทำงานได้รวดเร็วขึ้นเรื่อยๆ สามารถสร้างสรรค์ผลงานใหม่ๆได้ทุกวัน เป็นผลงานที่เต็มไปด้วยจินตนาการเหมือนกับการเล่านิทานเลยทีเดียว ตอนนี้ผลงานของคุณริโตะได้ตีพิมพ์เป็นหนังสือแล้วเรียบร้อย ชื่อหนังสือ “เมื่อไหร่ก็ตามจะอยู่ข้างๆ เธอ โลกที่อ่อนโยนใบเล็กๆ” 「いつでも君のそばにいる 小さなちいさな優しい世界」เป็นหนังสือที่รวบรวมผลงานฉลุใบไม้ของคุณริโตะประมาณ 80 ผลงาน นอกจากนี้ยังมีมุมถามตอบ และบอกวิธีฉลุใบไม้เป็นรูปภาพอีกด้วย หนังสือเล่มละ 1,430 เยน (รวมภาษีแล้ว) วางจำหน่ายที่ร้านหนังสือที่ญี่ปุ่นตั้งแต่วันที่ 20 พฤษภาคมเป็นต้นไป ติดตามผลงานของคุณริโตะกันได้ที่Twitter: https://twitter.com/Teriyaki_CheeseIG: https://www.instagram.com/lito_leafart/
คุณซูซูกิ เคนทาโร่ ชาวจังหวัดชิบะ เป็นศิลปินและอาจารย์สอนแกะสลักไม้เป็นพระพุทธรูป ผลงานของเขามีหลากหลายทั้งพระพุทธรูปแบบสวยงามรายละเอียดสมจริงแบบที่เราเห็นกันตามวัด รวมถึงแบบที่ดูน่ารักที่เด็กๆ หรือใครก็เข้าถึงได้ คุณซูซูกิใช้นามแฝงว่า “hotokesmile” ซึ่งหมายถึงพระพุทธเจ้ายิ้ม และอีกความหมายหนึ่งคำว่า สึมะอิ (住まい) ยังหมายถึงการอยู่อาศัย ปัจจุบันบ้านของคนญี่ปุ่นส่วนใหญ่มีพื้นที่น้อย ไม่ค่อยมีคนนำพระพุทธรูปมาประดับในบ้านกันแล้ว เขาจึงอยากสร้างงานศิลปะที่ทำให้คนรู้สึกอยู่ใกล้ชิดกับพระพุทธเจ้าด้วยรอยยิ้มและหัวใจที่ผ่อนคลายในชีวิตประจำวัน คุณซูซูกินิยมใช้ไม้ฮิโนกิในการแกะสลัก เพราะว่าเป็นไม้ที่ทนทานและอยู่ได้นาน เปลือกของไม้ชนิดนี้ตอนแรกจะเป็นสีขาว แต่พอตั้งไว้นานๆ จะเริ่มเป็นสีเหลืองอำพัน เป็นไม้ที่มีกลิ่นหอมด้วย ไม่นานมานี้คุณซูซูกิเพิ่งจะออกหนังสือชื่อว่า 「やさしい仏像彫刻 はじめてでも楽しく彫れる 癒しの仏さま・お地蔵さま」เป็นหนังสือสอนแกะสลักไม้เป็นพระพุทธรูปแบบง่ายๆ ที่คนเพิ่งเริ่มต้นหัดทำก็สนุกไปด้วยกันได้ หนังสือราคา 2,640 เยน (รวมภาษีแล้ว) เริ่มวางจำหน่ายตามร้านหนังสือที่ญี่ปุ่น ตั้งแต่วันที่ 22 เมษายนที่ผ่านมา ติดตามผลงานของคุณซูซูกิได้ที่IG: https://www.instagram.com/hotokesmile/website: http://bussikentarou.com/Online shop: https://www.creema.jp/creator/2005653
